กติกาและลำดับไพ่ Poker เรื่องที่ต้องเข้าใจก่อนเล่น
กติกาและลำดับไพ่ Poker เรื่องที่ต้องเข้าใจก่อนเล่น หลังจากที่ได้รู้จักเรื่องราวของไพ่ โป๊กเกอร์ กันไปบ้างแล้ว แม้ว่ามันจะเป็นเกมพนันที่ไม่ได้มีความซับซ้อนมากนัก แต่ด้วยความที่ว่ามันเป็นเกมที่ใช้จิตวิทยา รวมไปถึงการอ่านท่าทีของผู้เล่นด้วยกันเอง เพื่อที่จะให้รู้ว่าอีกฝ่ายฝีมือเป็นยังไง อยู่ระดับไหน การศึกษาเรื่องของกติกาจึงเป็นสิ่งสำคัญและไม่ควรพลาดเป็นอย่างยิ่งครับ เพราะถ้าเราไม่แม่นเรื่องนี้ล่ะก็ เตรียมตัวโดนรุมกินโต๊ะ หรือเป็นหมูในอวยกันไปได้เลย
คุณอาจสนใจวิธีเล่น Poker face ซึ่งสามารถทำให้คุณเอาชนะโป๊กเกอร์ง่าย ๆ แค่ใช้สีหน้า Poker face
ศัพท์พื้นฐานที่ขานกันในวง โป๊กเกอร์
แม้ว่าในการเล่นไพ่ โป๊กเกอร์ บน คาสิโนออนไลน์ มันจะทำให้อ่านท่าทีผู้เล่นด้วยกันเองยากขึ้น แต่บางครั้งมันก็มีที่ผู้เล่นเผลอหลุดออกไปโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ เพียงไม่เข้าใจศัพท์ที่เขาพูดกันในวงไพ่ ดังนั้นเรามาดูกันครับว่ามีคำศัพท์ไหนบ้างที่เราต้องรู้ และถ้ามีคำเหล่านี้ออกมาเราจะต้องทำอย่างไร
- Button คือปุ่มที่อยู่หน้าผู้เล่นคนใดคนหนึ่ง โดยคนนั้นจะมีสถานะเป็น Dealer และปุ่มนี้จะเวียนไปหาผู้เล่นคนอื่น ๆ ตามเข็มนาฬิกา
- Dealer หมายถึงตำแหน่งเจ้ามือหรือคนแจกไพ่ แต่ใน คาสิโนออนไลน์ ผู้เล่นที่เป็น Dealer จะได้รับไพ่รวมถึงได้เล่นเป็นคนสุดท้ายในรอบนั้น ๆ
- Hold cards หมายถึงไพ่ที่ได้รับแจก โดยที่ไพ่จะถูกคว่ำหน้าไว้เพื่อไม่ให้ผู้เล่นอื่นเห็น
- Big Blind (BB) หมายถึงผู้เล่นที่ถูกบังคับให้วางเดิมพันแบบเต็มจำนวนขั้นต่ำของโต๊ะ โดยไม่สนว่ารอบนั้นจะเล่นหรือไม่ สมมติว่าขั้นต่ำคือ 100 บาท คนที่เป็น Big Blind ก็จะต้องวางเดิมพัน 100 บาท ทันที
- Small Blind (SB) หมายถึงผู้เล่นที่ถูกบังคับให้วางเดิมพันเพียงครึ่งหนึ่งของจำนวนขั้นต่ำของโต๊ะ สมมติว่าขั้นต่ำคือ 100 บาท จะต้องวางเดิมพัน 50 บาททันที
- Flop หมายถึงไพ่กองกลาง 3 ใบแรกที่ผู้แจกไพ่เป็นคนจ่ายในรอบแรก ซึ่งไพ่ทั้งหมดจะถูกหงายหน้าไพ่ไว้
- Turn หมายถึงไพ่กองกลางใบที่ 4 จากผู้จ่ายไพ่
- River หมายถึงไพ่กองกลางใบที่ 5 จากผู้จ่ายไพ่
กติกาและวิธีเล่น โป๊กเกอร์
สำหรับไพ่โป๊กเกอร์จะมีรอบเดิมพันหลายรอบต่อหนึ่งเกม การเดิมพันก็จะเริ่มตั้งแต่ก่อนแจกไพ่ และจะมีไปเรื่อย ๆ จนไพ่ถูกแจกครบตาม กติกาโป๊กเกอร์ จากนั้นผู้เล่นจะนำไพ่ทั้ง 5 ใบที่มีอยู่ในผสมกันโดยเรียงตามลำดับไพ่ เพื่อดูว่าแต้มของใครเหนือกว่ากัน ซึ่งในแต่ละเกมจะสามารถมีผู้ชนะได้มากกว่า 1 คน โดย วิธีเล่นโป๊กเกอร์ ก็จะมีดังนี้
- ผู้แจกไพ่ทำการแจกไพ่ให้กับผู้เล่นทุกคนบนโต๊ะ ตอนนี้ไพ่ที่อยู่ในมือผู้เล่นจะเรียกว่า Hold card
- หลังจากที่ได้ไพ่กันครบแล้ว ผู้เล่นที่อยู่ซ้ายมือของ Big Blind จะเป็นผู้เริ่มเล่นก่อน
- ในการเล่น ผู้เล่นจะสามารถเลือกทำอย่างใดอย่างหนึ่งได้ดังนี้
- Fold เป็นการทิ้งไพ่ในมือ เพื่อบอกว่าไม่ต้องการเล่นในเกมนี้แล้ว หรือที่เรียกกันว่า “หมอบ”
- Call เป็นการวางเดิมพันตามชิปเดิมพันสูงสุดในรอบนั้น
- Raise เป็นการเพิ่มเดิมพันสูงสุด หากมีคน Raise คนอื่นที่เหลือจะต้อง Call ตามเพื่อให้ชิปเดิมพันเท่ากัน หรือจะ Fold ก็ได้
- Check ผู้เล่นสามารถเคาะโต๊ะเป็นสัญญาณการผ่านได้ จะทำก็เมื่อชิปเดิมพันของเราเท่ากับเดิมพันสูงสุด ณ ตอนนั้น แล้วเราก็ไม่ต้องการเพิ่มเดิมพันอีก หากทุกคน Check จนครบ ผู้แจกไพ่จะเริ่มรอบต่อไปด้วยการแจกไพ่
- หลังจากผู้เล่นที่เหลือทำซ้ำในข้อ 3 ไปแล้ว ผู้แจกไพ่จะแจกไพ่กองกลางใบที่ 4 หรือที่เรียกกันว่า Turn เพื่อเริ่มเล่นรอบต่อไป
- เมื่อถึงรอบสุดท้าย ผู้แจกไพ่จะแจกไพ่ใบที่ 5 หรือที่เรียกว่า River ลงไปบนโต๊ะ เพื่อเริ่มการแข่งขันรอบสุดท้าย
- เมื่อจบรอบสุดท้ายแล้ว ผู้เล่นที่เหลือจะต้องเปิดไพ่เพื่อวัดแต้มกัน ใครที่ผสมไพ่ 2 ใบในมือกับอีก 5 ใบบนโต๊ะได้แต้มมากกว่าก็จะเป็นผู้ชนะ
โป๊กเกอร์ มีกี่แบบ
มาถึงตรงนี้หลายคนอาจเข้าใจว่า โป๊กเกอร์ นั้นมีอยู่แค่แบบเดียว แต่ความจริงตามคาสิโนมีไพ่โป๊กเกอร์ให้เล่นมากกมายหลายชนิด หลัก ๆ ก็จะมี
คุณอาจสนใจบทความนี้ อ่านต่อ โป๊กเกอร์ เกมไพ่ที่อยู่เหนือการพนันในวงการคาสิโน
Texus Hold’em
เป็นเกมไพ่โป๊กเกอร์ที่นิยมเล่นกันมากที่สุด วิธีเล่นก็คือผู้เล่นจะได้รับไพ่แค่ 2 ใบ รวมกับไพ่กองกลางอีก 5 ใบ ใครที่รวมไพ่และเรียงออกมาได้แต้มดีที่สุดก็จะชนะและกวาดเงินกองกลางกลับบ้าน หรือจะทำให้ผู้เล่นคนอื่นทิ้งไพ่จนหมดก็ถือว่าชนะเช่นกัน
Omaha
โป๊กเกอร์ชนิดนี้ผู้เล่นจะได้รับไพ่ 4 ใบ รวมกับกองกลาง 5 ใบ แต่สามารถใช้ไพ่ในมือ 2 ใบมาแทนไพ่กองกลางได้ เพื่อที่จะผสมไพ่ 5 ใบให้ได้แต้มดีที่สุด
7/5 Stud
เป็นไพ่โป๊กเกอร์ที่ไม่มีไพ่กองกลางให้เล่น วิธีเล่นคือผู้เล่นจะได้รับไพ่คว่ำจำนวน 5 ใบ (5 Stud) หรือ 7 ใบ (7 Stud) ซึ่งมีวิธีการเล่นแตกต่างกันดังนี้
5 Stud ทันทีที่ได้รับไพ่ครบ 5 ใบแล้ว ผู้เล่นจะต้องจัดชุดไพ่ให้ได้แต้มมากที่สุดเพื่อที่จะได้เป็นผู้ชนะ
7 Stud จะแจกไพ่ 7 ใบ โดยแบ่งออกเป็น 5 รอบ มีวิธีเล่นดังนี้
- รอบที่ 1 แจกไพ่ 3 ใบ โดยสองใบแรกจะคว่ำ แล้วหงายใบที่ 3
- รอบที่ 2 แจกไพ่หงายเพิ่มอีก 1 ใบ
- รอบที่ 3 แจกไพ่หงายเพิ่มอีก 1 ใบ
- รอบที่ 4 แจกไพ่หงายเพิ่มอีก 1 ใบ
- รอบที่ 5 แจกไพ่คว่ำอีก 1 ใบ ตอนนี้รวมแล้วมีไพ่ทั้งหมด 7 ใบ
- หลังจากที่ได้ไพ่ครบแล้ว ผู้เล่นจะเลือกเอาไพ่แค่ 5 ใบบนมือมาวัดแต้มกันหาผู้ชนะ
Mix Game Poker
เป็นโป๊กเกอร์ที่กำหนดกติกาเพิ่มเติมเข้ามา เรียกได้ว่าเป็นโป๊กเกอร์สายประยุกต์ ปัจจุบันมีทั้งหมด 8 คือ
- Limit 2-7 Triple Draw
- Limit Hold’em
- Limit Omaha Eight or Better
- Razz
- Limit 7 Card Stud
- Limit Stud Eight or Better
- No Limit Hold’em
- Pot Limit Omaha
วิธีดูลำดับไพ่ Poker
อีกหนึ่งจุดปล่อยไก่ที่ทำให้มือใหม่โดนรุมกินโต๊ะก็คือการไม่รู้จักลำดับไพ่นี่แหละครับ เกมไพ่ชนิดนี้ไม่ได้ชี้ขาดกันที่แต้มของไพ่ แต่อยู่ที่การเรียงไพ่ให้ถูกลำดับ เพราะมันจะส่งผลถึงขนาดและแต้มไพ่ หมายความว่ายิ่งเรียงดีเท่าไหร่ยิ่งทำให้เรามีโอกาสชนะมากขึ้น ในวง โป๊กเกอร์ จะเรียงขนาดไพ่จากใหญ่ไปหาน้อยดังนี้
Royal Straight Flus ถือว่าเป็นไพ่ใหญ่สุด ไพ่จะเรียงจาก Ace, K, Q, J และ 10 โดยไพ่ทั้งหมดจะต้องมีดอกเดียวกัน โอกาสที่จะได้ไพ่ชุดนี้ถือว่ามีน้อยมาก โอกาสออกมีแค่ 0.00015% เท่านั้น
Straight Flush เป็นไพ่ที่มีขนาดรองลงมา โดยเรียงกัน 5 ใบด้วยไพ่ที่มีดอกเดียวกัน โอกาสออกมีแค่ 0.0015% เท่านั้น
Four of kind เป็นไพ่ที่มีแต้มเดียวกัน 4 ใบ โอกาสออกอยู่ที่ 0.024%
Full House ไพ่ชุดนี้จะมีไพ่ตอง 1 ชุด และไพ่คู่อีก 1 ชุด การตัดสินผลกรณีที่มีคนได้ไพ่ชุดเดียวกัน จะดูที่ชุดตองก่อน แล้วค่อยดูว่าชุดคู่ของใครใหญ่กว่า โอกาสออกไพ่ชุดนี้คือ 0.14%
Flush เป็นไพ่ชุดที่มีไพ่ดอกเดียวกันทั้งหมด โดยไม่จำเป็นต้องเรียงลำดับ หากมีคนออกเหมือนกันให้ใช้ Kicker ตัดสิน โอกาสออกที่ 0.2%
Straight เป็นไพ่ที่เรียงลำดับกัน 5 ใบ ไม่จำเป็นต้องมีดอกเดียวกัน หากมีคนออกเหมือนกันให้ใช้ตัวใหญ่สุดเป็น Kicker สำหรับไพ่ Ace ต้องดูว่าไพ่ที่อยู่ด้วยเป็นอย่างไร หากอยู่ในกลุ่มไพ่ฝรั่งอย่าง A, K, Q, J, 10 ในที่นี้ Ace จะมีแต้มใหญ่สุด แต่ถ้าอยู่กับไพ่ตัวเลขเช่น 5, 4, 3, 2, A เช่นนี้จะถือว่าเล็กสุด โอกาสออก Straight คือ 0.39 %
Three of Kind เป็นชุดไพ่ที่มีไพ่แต้มเดียวกัน 3 ใบอยู่ในชุด หากมีผู้เล่นออกเหมือนกันให้ใช้ 2 ใบที่เหลือเป็นตัว Kicker โอกาสออกอยู่ที่ 2.1%
Two Pair เป็นการออกไพ่คู่ 2 ชุด หากมีผู้เล่นอื่นได้ Two Pair จะดูกันที่คู่แรกก่อน แล้วค่อยดูคู่ที่สอง หากสองคู่นี้เท่ากันให้ใช้ใบสุดท้ายเป็น Kicker โอกาสออก 4.75%
One Pair เป็นชุดไพ่ที่มีโอกาสออกมากถึง 42% เพราะมีไพ่คู่เดียวอยู่ในชุด ตัดสินแพ้ชนะตรงที่ใครมีคู่ใหญ่กว่าชนะ ถ้าเท่ากันใช้ไพ่ที่เหลือเป็นตัวตัดสิน
High Card เป็นไพ่ที่มีโอกาสออกมากถึง 50% เพราะวัดกันแค่แต้มกันใบต่อใบ ไม่จำเป็นต้องเรียงอะไรทั้งนั้น
สำหรับการเล่น โป๊กเกอร์ หากว่าตั้งแต่เริ่มมาเราไม่มีไพ่คู่สักชุด หรือคิดว่าเรียงไพ่ต่อกันดี ๆ ไม่ได้ ส่วนใหญ่มักจะเลือกทิ้งไพ่กันไปเลย แม้ว่าไพ่ High Card จะมีโอกาสออกสูงที่สุด แต่ถ้าไปเจอไพ่คู่ก็คือจบ อย่างไรก็ตาม โป๊กเกอร์ ก็ยังคงเป็นเกมไพ่ที่ไม่ได้ใช้แค่แต้มเท่านั้น แต่ยังใช้การบลัฟหรือข่มขวัญอีกฝ่ายให้คิดไปเอง ให้ยอมทิ้งไพ่ นั่นหมายความว่าต่อให้มีไพ่คู่แค่ถ้าดูสีหน้าท่าทางของอีกฝ่ายไม่จบ ก็มีสิทธิ์โดนหลอกให้ทิ้งไพ่ได้เหมือนกัน